วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

วัยรุ่นกับรอยสัก

ลบรอยสัก

วัยรุ่นกับรอยสัก (นิตยสารสวยด้วยแพทย์)
คอลัมน์ ทันโรคกับวัยรุ่น

          วัยรุ่นวัยอยากรู้ อยากลอง อยากทำอะไรที่ดูโก้เก๋ เราจึงได้เห็นวัยรุ่นชายหญิงสักลวดลายลงบนตัว มากบ้าง น้อยบ้าง เช่น บางคนสักรูปหัวใจไว้ที่หน้าอก บางคนสักลวดลายเต็มแขนทั้งสองข้าง เป็นต้น แรก ๆ รอยสักก็อาจดู  เท่ดี แต่นานวันเข้ารอยสักอาจกลายเป็นรอยปัญหา เพราะคนที่มีรอยสักมักถูกมองในทางลบมากกว่าทางบวก  จะสมัครเรียนสมัครงานก็อาจพลาดโอกาส ดังนั้น น้อง ๆ ที่คิดจะสักควรคิดหน้าคิดหลังให้ดี เพราะรอยสักจะติดตัวเราไปจนโต และการลบรอยสักต้องใช้เวลา และค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งจะเป็นภาระกับผู้ปกครองนะคะ

          แต่ถ้าน้อง ๆ คนไหนสักไปแล้ว และมีปัญหากับรอยสัก อยากจะลบทิ้ง แนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอ ปัจจุบันมีเลเซอร์ใช้ลบรอยสักได้ค่ะ

          การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ เป็นหนึ่งในวิธีการลบรอยสักที่นิยมทำ เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่ำ และผลที่ออกมาสามารถลบรอยสักได้มาก กลับไปใกล้เคียงกับผิวหนังเดิม 

          กลไกในการรักษา แพทย์ก็จะเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะสมตรงกับสีของรอยสัก ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความจำเพาะกับเลเซอร์ แต่ละความยาวคลื่น ซึ่งแสงเลเซอร์ก็จะไปทำให้เม็ดสีในผิวหนังแตกออก และถูกขจัดออกทางระบบน้ำเหลือง, ขจัดออกทางผิวหนังตามมา  

          การลบรอยสักจะทำทุก 3 - 4 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง ส่วนจำนวนครั้งนั้นขึ้นอยู่กับเป็นรอยสักชนิดไหน ถ้าเป็นรอยสักโดยช่างสมัครเล่น (มักเป็นรอยสักสีเดียว เช่น สีดำ และรอยสักไม่ลึกมากนัก) ก็สามารถทำการลบออกได้ภายใน 6 - 8 ครั้ง ส่วนรอยสักโดยช่างอาชีพ (มักจะมีหลายสี เช่น แดง เขียว เหลือง ดำ สีแต่ละสีมีความคมชัดสูง และมีความลึกของเม็ดสีมากกว่า) ต้องใช้จำนวนครั้งในการลบมากกว่า อาจถึง 10 ครั้งขึ้นไป ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาในรอยสักจากช่างสมัครเล่น ผลลัพธ์จะดีกว่ารอยสักโดยช่างอาชีพ ซึ่งอาจจะยังมีรอยสักจาง ๆ หลงเหลืออยู่ที่ผิวหนังค่ะ

          ก่อนจากกันขอฝากน้อง ๆ อีกสักเรื่อง อย่าได้ไปหลงเชื่อคำโฆษณาเกี่ยวกับน้ำยาลบรอยสัก ที่ว่ามีประสิทธิภาพและเห็นผลทันตา  แล้วซื้อมาลบรอยสักเองนะคะ อาจเกิดแผลเป็น หรือไม่ก็เสียโฉมไปเลย ทำให้ต้องมาเวียนแก้ปัญหาในระยะยาวเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ ค่ะ   


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสารสวยด้วยแพทย์ 


คราวหน้าครวาหลังจะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนนะครับ
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น