วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

6 เคล็ดลับเติมความสดชื่นในวันร้อน ๆ

ไอศกรีม


6 เคล็ดลับเติมความสดชื่นในวันร้อน ๆ (Health Plus)

          วันร้อน ๆ อย่างนี้ เรามีเทคนิคดี ๆ มาช่วยเติมความสดชื่นกันด้วยล่ะ

           1.มีผลวิจัยยืนยันว่า การมองไปที่สีเขียวจะช่วยทำให้คนเรารู้สึกสดชื่น ลองหาต้นไม้เขียว ๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน หรือแทนที่เสื้อผ้าสีดำในตู้ด้วยสีสดใสอย่างสีเขียวดูบ้าง รับรองว่า เวลามองตัวเองในกระจกจะรู้สึกสดชื่นขึ้นอีกเยอะเลย

           2.ลองเปลี่ยนจากน้ำหอมโปรด กลิ่นฉุนที่ใช้เป็นประจำ มาเป็นกลิ่นอ่อน ๆ ที่หอมสดชื่นจำพวกผลไม้ตระกูลซิตรัส ซึ่งเข้ากับอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทยดูบ้าง นอกจากจะได้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ในสวนแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศให้คนข้าง ๆ คุณได้แปลกใจอีกด้วย

           3.เวลาเหงื่อออก ร่างกายจะขาดความชุ่มชื่นเนื่องจากสูญเสียน้ำ ถึงจะรู้สึกว่าผิวเปียกเวลาเหงื่อออก แต่ความจริงแล้วผิวกำลังขาดความชุ่มชื่น เติมความชุ่มชื่นกลับคืนให้ผิวด้วยการทาโลชั่น โดยเลือกโลชั่นที่เป็นอาหารผิวจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิวให้สดชื่น มีสุขภาพดี อย่างเช่น แตงกวาและว่านหางจระเข้

           4.เติมความสดชื่นให้ร่างกายด้วยการดื่มน้ำว่างหางจระเข้ปั่นเย็น ๆ แทนการดื่มน้ำอัดลมซ่า ๆ เพราะว่านหางจระเข้สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนล้า เพราะขาดการพักผ่อน นอกจากนั้นยังเป็นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ของผิวอีกด้วย


ผู้หญิง

           5.แตงกวาผลเล็ก ๆ อุดมไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น รวมถึงใยอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์อย่างซิลิกา โพแทสเซียม และแมกนีเซียม นอกจากนั้นแตงกวายังมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่า 50% ลองเปลี่ยนจากการนำแตงกวามาแปะผิวแล้วโยนทิ้ง เป็นการรับประทานแบบสด ๆ แทน เพราะนอกจากจะช่วยให้สดชื่นแล้ว ยังทำให้ผิวสวยชุ่มชื่น เปล่งประกายสุขภาพดีจากภายใน

           6.ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ก็มักจะนึกถึงไอศกรีมในวันร้อน ๆ มองข้ามไอศกรีมเนื้อแน่น ที่อุดมไปด้วยไขมันจากทั้งนมและครีมที่คุณโปรดปราน แล้วหันมาลองไอศกรีมแบบซอร์เบทที่ให้ความสดชื่นสุด ๆ อย่างรสแพชชั่นฟรุต มะนาว หรือราสเบอร์รี่ นอกจากจะสดชื่นแล้วรับรองว่าไม่อ้วน เพราะแคลอรี่อยู่ที่ 0%


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ป้องกันกลิ่นตัว ในหน้าร้อน

ผู้หญิง

ร้อนนี้จะป้องกันไม่ให้มี กลิ่นตัวอย่างไร (ไอเอ็นเอ็น)

          กลิ่นตัว ส่วนใหญ่เกิดจากการรวมตัวกันของแบคทีเรีย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบุคคลและภาวะอากาศค่ะ

          อาหารก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นตัว ด้วยค่ะ เครื่องเทศบางชนิด เช่น แกงกะหรี่ และกระเทียม จะมีกลิ่นปนอยู่กับกลิ่นเหงื่อของเราค่ะ ทีนี้มาดูวิธีป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นตัวที่ไม่น่าพึง ประสงค์กันดีกว่า

          วิธีป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นเหงื่อ อันดับแรกก็คือ ทำความสะอาดร่างกาย โดยอาบน้ำถูสบู่ให้สะอาด โดยเฉพาะบริเวณซอกหลืบต่าง ๆ เช่น ขาหนีบ รักแร้ อาจจะใช้สบู่ที่มีสารดับกลิ่นช่วยด้วยก็ได้ค่ะ จากนั้นใช้โรลออนหรือโคโลญจน์ หรือน้ำหอมอ่อน ๆ ช่วยในการดับกลิ่นอีกทีค่ะ

          ในวันที่อากาศร้อนจัดจะมีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ จึงควรใส่เสื้อผ้าที่เป็นผ้าฝ้าย เพราะทำให้เหงื่อระเหยได้ดี หากยังมีกลิ่นอีก ก็ควรอาบน้ำในช่วงกลางวันก็ได้ค่ะ (ถ้าทำได้)

          หากคนที่มีกลิ่นตัวที่ไม่สามารถกำจัดได้จริง ๆ ก็ต้องใช้ยายับยั้งการขับเหงื่อ หรือยาที่มีสรรพคุณยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ค่ะ 


ขอขอบคุณ




สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

สุดยอดอาหารป้องกันโรค

สุขภาพ



สุดยอดอาหารป้องกันโรค (Lisa)
           You are what you eat กินอย่างก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลเสมอ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีอาหารปรุงแต่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็คงสู้อาหารธรรมชาติไม่ได้ หากเราสังเกตสุขภาพตัวเอง และคนใกล้ตัวให้ดีก็จะรู้ว่า อาหารมีผลต่อสุขภาพจริง ๆ

           เช่น คนที่รับประทานแต่พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ มักจะเจ็บป่วยบ่อย แต่ถ้าใครที่รับประทานผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีความสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ดังนั้น ดร.เพเตอร์ ชไลเชอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากเยอรมัน จึงได้จัดลำดับอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายดังนี้

       ดวงตา

           สับปะรด : มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตา หลังจากนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน

           โรสแมริน : ช่วยทำความสะอาด และช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่ดวงตา

           เก๋ากี้ : มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และมีแร่ธาตุสำคัญ ๆ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์มากมาย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสาทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย สายตาไม่ดี โดยเฉพาะสายตาบอดในเวลากลางคืน ฯลฯ


       สมอง

           ถั่ว Linsen : มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเลซิติน ให้พลังงานแก่เซลล์สมอง ถั่วลินเซ็นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดีย และเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยมนำมาทำซุปรับประทานกัน

           สัตว์ปีก : ให้พลังงานแก่การทำงานของสมอง

           ข้าวโอ๊ต : ให้พลังงานสูงที่สุดสำหรับสมอง นอกจากนี้ ยังมีกรดฟีนอลที่จะช่วยให้เรื่องของความทรงจำที่ดีอีกด้วย

           อะโวคาโด : มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียด นอนไม่หลับ หรือจิตใจว้าวุ่น

           กล้วย : มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง มีน้ำตาลกลูโคส วิตามิน และเกลือแร่ในการให้พลังงานแก่สมอง

           แอพริคอต : มีแร่ธาตุจำเป็นหลากหลายชนิดที่เหมาะกับสมอง

           ลูกเกด : มีน้ำตาลที่ให้พลังงานสูง 75%

           ลูกแพร : ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี มีน้ำตาล และสารที่คล้ายคลึงกับฮอร์โมนซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่า

           ถั่วลันเตา : มีโปรตีนสูงที่ช่วยในเรื่องความจำ และช่วยให้มีสมาธิดี

           สลัดเขียว : มีสารที่คล้ายกับยาชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ระบบประสาทมีความสงบ


        ผมและผิว

           หัวหอมใหญ่ : มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จะช่วยให้ฟัน กระดูก และเล็บแข็งแรง

           ยอดถั่ว : ช่วยทำความสะอาดร่างกาย และช่วยให้รูขุมขนกระชับ


        หัวใจ

           ผักกาดขาว : มีโพแทสเซียมและธาตุเหล็กสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด

           บร็อกโคลี่ : ช่วยป้องกันโรคผนังของหลอดเลือดแดงหนาตัว และโรคหัวใจ

           แครอต : มีกรดโฟลิกและไบโอฟลาโวนอยด์ที่จะช่วยป้องกันโรหัวใจ

           ปลา : มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งจะช่วยป้องกันการอักเสบและการตกตะกอนของระบบหลอดเลือด

           หัวหอมใหญ่ : มีฟลาโวนอยด์ Quercetin และ Sulfite ที่จะช่วยลดความดันโลหิตและช่วยให้หัวใจ และหลอดเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

           กระเทียม : ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี มีสาร Allicin ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

           หน่อไม้ฝรั่ง : มีสาร Electrolytes ที่จะช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดี ช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานดี

           น้ำมันมะกอก : ให้พลังงานล้วน ๆ ช่วยลดคอเลสเตอรอล และช่วยยับยั้งการอักเสบ

           ฟักทอง : มีสาร Electrolytes สูง ซึ่งจะช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

           มันฝรั่ง : ช่วยป้องกันโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยขจัดน้ำและช่วยส่งวิตามินซีให้แก่ระบบหลอดเลือด

           พริกหวาน : มีสารแคปไซซิน และไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

           มะเขือเทศ : ช่วยขจัดน้ำและช่วยลดความดันโลหิต

           แอบเปิ้ล : มีสารไบโอและน้ำมันหอมระเหย 300 ชนิดที่จะช่วยป้องกันระบบหลอดเลือดทั้งหมด

           ลูกแพร : มีวิตามินและแร่ธาตุจำเป้นสูง ซึ่งจะช่วยให้ระบบเลือดลมคงที่

           เห็ดหอม : ช่วยลดคอเลสเตอรอล

           ข้าวโอ๊ต : ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดจึงมีประโยชน์สำหรับหัวใจและหลอดเลือด

           ข้าวโพด : มีวิตามินดี ละวิตามินเค ซึ่งจะช่วยให้เลือดที่ข้นมีความสมดุล

           ถั่วเหลือง : มีโปรตีน 40% ไขมัน 19% ไม่มีคอเลสเตอรอลและมีกรดไขมันซึ่งสามารถช่วยให้อายุยืน


       กระดูก
           ะหล่ำเขียว : มีวิตามินบี (วิตามินที่สำคัญสำหรับผู้หญิง) ซึ่งข่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุน


       ตับ
           น้ำหัวไช้เท้า : ช่วยกระตุ้นน้ำดี

           ยีสต์ในเบียร์ : มีวิตามินบีที่สำคัญ มีสาร Choline และ Inosit ที่ช่วยขจัดไขมัน และช่วยขจัดสารพิษในตับ

           นม : มีแคลเซียมและโปรตีนที่จะช่วยให้ตับมีแรงต้านโรค

           เนื้อกระต่าย : ช่วยขจัดไขมันในตับ

           เนื้อวัว และลูกเนื้อวัว : มีวิตามินบี และเหล็ก มีโปรตีนสูงซึ่งมีความสำคัญสำหรับการสร้างเลือด


       ไต

           บีตรูต : ช่วยกระตุ้นในการหายใจของเซลล์ และช่วยฟื้นฟูฟิลเตอร์ของไตในการกรองของเสีย

           แตงกวา : มีน้ำ Electrolytes สูง ซึ่งช่วยชะล้างไต

           หัวไช้เท้า : มีสาร Senforlr ที่จะช่วยป้องกันการอักเสบ

           ขึ้นฉ่าย : มีสาร Psoralens ที่จะช่วยป้องกันไตจากไวรัส

           กะหล่ำปลีดอง : ช่วยขจัดสารพิษ


       ลำไส้  
           มะม่วง : มีวิตามินเอ Lycopene และ Flavone ซึ่งจะช่วยปกป้องเยื่อบุลำไส้

           ถั่วเหลือง : มีซีลีเนียมและกรดโฟลิกที่จะช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้

           ผักตระกูลกะหล่ำ : ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และป้องกันมะเร็ง


           แม้ว่าอาหารดีมีประโยชน์ต่าง ๆ ควรค่าแก่การรับประทาน แต่ก็ควรรับประทานให้สมดุล มีความหลากหลาย ไม่รับประทานชนิดเดียวซ้ำซากในปริมาณมาก ๆ ควรเดินทางสายกลางจะดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเองค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

เมนูเพื่อสุขภาพคุณสาว ๆ สำหรับหน้าร้อนนี้

อาหารเพื่อสุขภาพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
          ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ควรจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญคุณคงไม่อยากมีไขมันส่วนเกินเพิ่มขึ้นมาด้วยหรอกนะ จริงมั้ย?? เพื่อที่จะแน่ใจว่าคุณผู้หญิงจะยังคงสามารถรักษาหุ่นในช่วงหน้าร้อนได้อยู่ วันนี้เราจึงมีเมนูสำหรับเติมความสดชื่นมาฝากค่ะ...
 1.แตงโม
          แน่นอนล่ะ เวลาถึงหน้าร้อนทีไร ผลไม้ที่เรานึกถึงอย่างแรกก็คือแตงโม ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน และรสชาติหวานฉ่ำ ลองดูสักชิ้น รับรองว่าคุณจะรู้สึกสดชื่นแน่


 2.กล้วย
          ในวันที่อากาศร้อนจัด ๆ ลองหั่นกล้วยชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาไปแช่ในน้ำในช่องใส่น้ำแข็งดูสิ คุณจะรับรู้ถึงรสชาติหวานเย็น กรุบกรอบ และอร่อยด้วย เมนูนี้จึงถือได้ว่าเป็นไอศกรีมอีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญสำหรับสาว ๆ เพราะมันอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและสารอาหารอย่างมากมาย
กล้วย


 3.แครอทอ่อน
          นี่เป็นเมนูที่สำคัญในช่วงระหว่างมื้ออาหาร ลองรับประทานแครอทอ่อนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ดู แล้วคุณจะติดใจจนวางไม่ลงเลยล่ะ

 4.น้ำผลไม้ปั่น
          น้ำผลไม้ปั่นเป็นของฮิตอีกอย่างหนึ่งในช่วงหน้าร้อน เพียงแค่คุณใส่น้ำแข็งป่น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ เบอร์รี่แช่เย็น และกล้วยอีกสักชิ้น ปั่น 30 วินาที แล้วคุณจะได้น้ำผลไม้ปั่นเย็นชื่นใจที่มีวิตามินซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และทำให้สดชื่นอีกด้วย
น้ำผลไม้



 5.ธัญพืช โยเกิร์ต และผลไม้สด

          อาหารเช้าเพื่อสุขภาพพร้อมกับความอร่อยสำหรับหน้าร้อนนี้ เลิกคิดถึงเบคอนหรือขนมวาฟเฟิลไปได้เลย  ลองหันมากินของที่มีคาร์โบไฮเดรต วิตามิน และโพรไบโอติค อย่างเช่นเมนูนี้ คุณจะได้รับพลังงานมาก และพร้อมสำหรับออกไปรับวันใหม่

 6.โยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมน้ำผึ้ง
          เมนูง่าย ๆ พื้น ๆ และไขมันต่ำ แต่ให้พลังงานสูงสำหรับต่อสู้กับอากาศร้อน ๆ ในยามบ่าย ดีกว่าที่คุณจะเคี้ยวหมากฝรั่งหรือช็อคโกแลตอีกนะ
โยเกิร์ต


 7.ป๊อปคอร์น
          แทนที่จะกินของทอดมัน ๆ ลองเปลี่ยนมาเป็นป๊อปคอร์นแบบเค็มนิด ๆ และหลีกเลี่ยงแบบที่ใส่เนยด้วยล่ะ

 8.สลัด

          สลัดเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ใส่ผักอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ นอกจากอร่อย สะดวกและไม่ทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มอย่างแน่นอน
สลัด

          เมนูเพื่อสุขภาพสำหรับหน้าร้อนนี้ ซึ่งนอกจากความอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถรักษาหุ่นของคุณผู้หญิงให้ผอมเพรียวอีกด้วย

ขอขอบคุณกระปุกดอทคอม

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ไดเอ็ตชิลล์ ๆ สไตล์อาทิตย์อุทัย


Okinawa Diet ไดเอ็ตชิลล์ ๆ สไตล์อาทิตย์อุทัย (Lisa)

          แผนไดเอ็ตแบบโอกินาว่านั้นมีรากฐานมาจากอาหารการกินของชาวโอกินาว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลก และมีค่าเฉลี่ย BMI (ดัชนีมวลกาย) ค่อนข้างต่ำ (20.4 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป 18.5-24.9) แผนไดเอ็ตนี้ไม่ได้รับรองว่า คุณจะอายุยืนเกินร้อยปี แต่เป็นแผนที่ดีสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักด้วยโภชนาการที่สมดุล

 แคลอรีน้อย ๆ

          การจำกัดแคลอรีก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกหิวโหย มีรายงานว่า ชาวโอกินาว่ากินน้อยกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปประมาณ 500 แคลอรี แต่แคลอรีที่เขารับเข้าไปนั้นล้วนแต่อุดมด้วยสารอาหารและทำให้อิ่มเพียงแค่ 80% เท่านั้น

          ดังนั้น แผนการไดเอ็ตแบบโอกินาว่าจึงต้องใช้เวลา 8 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนเข้ากับไลฟ์สไตล์ดังกล่าว โดยที่น้ำหนักจะค่อย ๆ ลดสัปดาห์ละประมาณครึ่งปอนด์ (รวมเป็น 4 กิโลกรัม หากคุณทำสำเร็จ) อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายก็สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือขี่จักรยาน ก็สามารถทำให้ร่างกายคุณเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วย

 ปริมาณเท่าเดิมแต่อาหารเปลี่ยนไป

          เราบอกไปข้างต้นว่า แคลอรีจะต้องน้อยลง แต่ปริมาณอาหารนั้นยังคงเท่าเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือประเภทของอาหาร แต่ละมื้อจะต้องประกอบไปด้วยอาหารสี่กลุ่มคือ

          เฟเธอร์เวท : มีแคลอรีน้อยที่สุด ได้แก่ ผักใบเขียวเป็นอาหารหลัก
          ไลท์เวท : มีแคลอรีสูงขึ้นมาอีกนิด ได้แก่ ข้าวไม่ขัดสี คู่กับอาหารหลัก
          มิดเดิลเวท : แคลอรีปานกลาง เช่น เนื้อแดง เนื้อปลา เนื้อไก่ไม่ติดหนัง กินได้บ้างแต่ไม่มากนัก
          เฮฟวี่เวท : แคลอรีสูงที่สุด ได้แก่ อาหารต่าง ๆ ทั้งที่มีมันและอาหารทอดกินได้บ้างเฉพาะบางมื้อ

 ออกกำลังกายก็ยังสำคัญอยู่
 
          ทั้งนี้ แผนการไดเอ็ตดังกล่าวยังต้องใส่จิตวิญญาณของซามูไรเข้าไปด้วย นั่นคือกินช้า ๆ เพ่งสมาธิไปที่รสและสัมผัสของอาหาร นี่จะทำให้คุณอิ่มเร็วกว่าเดิม และการใช้ภาชนะเล็ก ๆ ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่อาจจะทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นด้วย

 ข้อดี

           นอกจากจะช่วยลดน้ำหนัก โภชนาการที่ดียังทำให้ร่างกายคุณแข็งแรงและไม่มีโรคภัย
           การจำกัดแคลอรีแต่โภชนาการไม่เสียสมดุลอาจทำให้คุณอายุยืน
           อาจกลายเป็นไลฟ์สไตล์การกินตลอดชีวิตเลยก็ได้

 ข้อเสีย

           ไม่เหมาะกับคนที่ใจร้อนอยากลดน้ำหนักเร็ว ๆ เพราะเป็นแผนในระยะยาวมากกว่า
           หากคุณคนตัดสินใจจะกินอาหารแบบญี่ปุ่นเลย ก็ต้องคอยระวังโซเดียมที่อาจให้ผลข้างเคียงคือความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก



สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่