วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ลดริ้วรอยดวงตา ไม่ผ่าก็ทำได้


ลดริ้วรอยดวงตา ไม่ผ่าก็ทำได้ (กรมประชาสัมพันธ์)


          นำเสนอแต่เรื่องราวของการทำศัลยกรรมเพิ่มความสวย แก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้าด้วยมีดหมอไปแล้ว แต่ก็มีคนรักสวยรักงามจำนวนไม่น้อย ไม่ขอพึ่งศัลยกรรมเพราะกลัวความเจ็บปวด

          วันนี้เราจึงรวบรวมวิธีลบเลือนริ้วรอยรอบดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติมาเอาใจคนอยากสวยแต่ กลัวเจ็บ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ควรพักสายตาทุก ๆ 15 นาที ละสายตาไปมองวิวไกล ๆ ช่วยลดความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อตา ทั้งยังควรบริหารดวงตาด้วยการกลอกลูกตาเป็นวงกลมสัก 5-6 รอบ เพื่อลดความตึงเครียดกล้ามเนื้อตา รวมถึงการใช้นิ้วนางกดลงที่หัวตาเบา ๆ แล้วค่อย ๆ คลึง

          ยังมีตัวช่วยอย่าง มันฝรั่ง ที่มีคาร์โบรไฮเดรต สรรพคุณลดการอักเสบของผิวหนังรอบดวงตา หลังจากล้างทำความสะอาดเสร็จแล้ว ให้หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปพอกบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ราว 10-15 นาที จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรือจะใช้ ถุงน้ำชาใช้แล้ว นำไปชุบน้ำพอเปียก วางทับบริเวณดวงตาทิ้งไว้สักครู่ ก็ช่วยได้เช่นกัน

          สำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา ควรเลือกที่มีส่วนผสมของ คาเฟอีน และ โปรวิตามินบี 5 จะช่วยกระตุ้นโลหิตที่ไหลเวียนรอบดวงตา ลดความเมื่อยล้า และคงความชุ่มชื้น

          ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าได้ละเลยการดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ช่วยให้ตาไม่แห้งแสบระคายเคืองจนต้องใช้มือขยี้ตาให้เกิดริ้วรอย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

จัดไปเลยครับเรื่องความสวยความงาม
ถ้าเป็นวิธีธรรมชาติไม่เสียหายที่จะลองครับ
สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล

ทำอย่างไร หากตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ

ตั้งครรภ์

ทำอย่างไร หากตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ (Modernmom)

          หลังแต่งงานได้ไม่นาน หลายคู่รักอาจกำลังฝันถึงแผนการเดินทางท่องเที่ยวไกล ๆ แผนการซื้อบ้าน ปรับปรุงเคหะสถาน หรือเก็บเงินซื้อรถคันใหม่ แต่กลับพบว่า เดือนล่าสุดนี้ คุณกำลังจะกลายเป็นคุณแม่คนใหม่ นั่นคือการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดจากการคุมกำเนิดที่ผิดพลาด ซึ่งบางครอบครัวเข้าสู่ภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัว หรือทำตัวไม่ถูกกับการจะมีสมาชิกใหม่ในบ้าน เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
 
 ตั้งสติ

          อาจจะไม่ง่ายนัก ในการทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ สิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าตกใจหรือวิตกเกินไป อาจหยุดพักงานสักวัน เพื่อทบทวนถึงความพร้อมในด้านต่าง ๆ แม้บางครั้งอาจพบว่าไม่ได้มีความพร้อมมากนัก ทั้งเรื่องรายได้ เวลา หรือลักษณะงาน แต่ควรมองในแง่ดีเข้าไว้ การมีสมาชิกใหม่ในบ้าน อาจจะเป็นความสิ่งที่ครอบครัวปรารถนาอยู่แล้วก็ได้ แค่ร่นเวลาเข้ามาเร็วอีกนิด และพูดคุยกับคู่สมรส เพื่อปรับแผนชีวิต ทยอยคิดกันไปทีละข้อ เชื่อว่าทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
 
 ปรึกษาผู้ใหญ่และคนใกล้ชิด

          อย่าเก็บความเครียดไว้กับตัวเอง หากรู้สึกกลัวที่จะเปิดเผยกับเพื่อนร่วมงาน ญาติ หรือคนในครอบครัว ในกรณีที่คุณไม่เคยบอกพวกเขามาก่อนว่ามีแผนจะตั้งครรภ์ พึงคิดเสมอว่า ทุกอย่างล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และคนที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณเอง หากการตั้งครรภ์ คือข่าวดีของคุณ ค่อย ๆ หาเวลาบอกกับผู้อื่น และเชื่อว่าทุกคนจะพลอยดีใจไปด้วยหากคุณเองมีความสุข อย่าลืมขอคำแนะนำจากผู้ใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน จะได้รับคำแนะนำดี ๆ เยอะเลย
 
 ตรวจร่างกายทันที

          นี่คือสิ่งแรกที่พึงทำหลังจากตั้งท้อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจว่า คุณพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยเฉพาะความพร้อมของร่างกาย ซึ่งกระบวนการตรวจนั้นจะมีทั้งการตรวจเลือด ตรวจหาโรคประจำตัว และอื่น ๆ เพื่อแพทย์จะได้ให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลครรภ์มารดา
 
 ฝากท้องภายใน 2-3 เดือน

          การฝากท้องไม่เพียงแต่จะทำให้รู้ถึงเปลี่ยนแปลงของครรภ์แล้ว ยังรู้ถึงคำแนะนำในการดูแลครรภ์ การดูแลคุณแม่ระหว่างตั้งท้องจนถึงคลอด การแก้ไขภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และได้รับการตรวจครรภ์เป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ ในกรณีที่บุตรมีความผิดปกติก็จะช่วยให้แก้ไขปัญหาได้ทัน
 
 จัดตารางเวลารอรับลูกตัวน้อย

          จดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น และลองคิดไปถึงอีก 9 เดือนข้างหน้า เพื่อนับถอยเวลาว่าแต่ละเดือนแต่ละช่วง คุณจะต้องเตรียมอะไรบ้าง เมื่อให้เวลาสักระยะหนึ่งสำหรับการเตรียมพร้อม เชื่อว่ากว่าจะถึงวันนั้น คุณจะมีความพร้อมและความสุขสำหรับการคลอดสมาชิกตัวน้อยออกมา โดยไม่ต้องมีอะไรฉุกละหุกมาก 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


ค่อยๆหาทางออกเอานะครับ
ทุกปัญหาล้วนมีทางแก้ไข
อย่าคิดสั้นก็แล้วกันครับเป็นห่วงคุณแม่ทุกๆคนนะครับ

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล

วิธีการดูแลมือ และเล็บแบบง่าย ๆ


Healthy Hand & Nail (womanplus)


          ส่วนหนึ่งในร่างกายที่ใครหลายคนมักจะมองข้ามไม่ให้การดูแลก็คือ มือ และ เล็บ ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ หรือการถือของหนัก ๆ แล้วไหนจะยังมีเล็บมือที่คุณสาว ๆ คอยแต่งเติมสีสันลงไปจนลืมดูแลสุขภาพให้กับมันเสียสนิท มีวิธีการดูแลมือและเล็บง่ายๆ ให้ลองนำไปปฏิบัติตามกันดูค่ะ

          เริ่มจากการทำความสะอาดด้วยการใช้แปรงขนนุ่มกับสบู่ถูเบา ๆ โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็บ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นทาครีมบำรุงมือและเล็บ นวดประมาณ 3-5 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และการทำงานของต่อมสร้างเล็บ ทำทุกวันหลังอาบน้ำเพื่อการซึมซาบที่ดี แค่นี้ก็จะทำให้คุณมีผิวมือที่เนียนนุ่ม ไม่หยาบกระด้างอีกต่อไป



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ลอวเอาไปทำกันดูนะครับ
จะได้มีเล็บที่สะอาดน่าอยู่ใกล้
สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล

ปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง

ความรัก

ปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง (ใยไหม)

          คุณเคยคิดถึงแฟนคุณ จนไม่เป็นอันทำอะไรไหม งุ่นง่าน...เดินพล่าน วุ่นวาย และร้อนรน สุดท้ายมีอะไรดีขึ้นหรือเปล่า แก้ไขได้หรือเปล่า?

          ก็ไม่ได้เลย! 

          อาจมีบางครั้งนะ ที่คุณออดอ้อนได้สำเร็จ เขายอมทิ้งเรื่องสำคัญบางอย่างเพื่อมาหาคุณ แต่เคยมีไหม? บางครั้งที่คุณโทรไปแล้วเขาไม่ยอมรับสายคุณ คุณลองนึกภาพดูสิ ภาพที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แล้วมองโทรศัพท์มือถือสั่นไปมา ส่งเสียงเรียกให้เขารับสาย และเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็คือเบอร์ของคุณ เขาถึงได้ตัดสินใจไม่รับ เขากลั้นใจรอให้มันเงียบ 


          เจ็บไหม? ถ้าเป็นแบบนั้น

          ฉันไม่ได้บอกว่าข้างตัวเขามีใครนะ ฉันสมมุติว่าเขาอยู่คนเดียว ไม่มีผู้หญิงคนอื่นด้วย แต่มีงานเป็นกองที่ต้องทำให้สำเร็จ หรือบางครั้งเขามีเพื่อนที่กำลังเล่นกีฬาอยู่ด้วยกัน หรือมีแขกสักคนที่กำลังนั่งคุยเรื่องธุรกิจกันอยู่
ฉันถามว่าเวลานั้นคุณสมควรโทรไปไหม?

          ไม่ควรเลย...คุณโทรไปได้ถ้าคุณมีธุระที่สำคัญจริง ๆ และถ้าทำอย่างนั้นเป็นนิสัย เขาก็จะไม่เคยปฏิเสธที่จะรับสายคุณ เพราะรู้ว่าคนอย่างคุณแบ่งแยกเวลาออก เวลาไหนเป็นของคุณ เวลาไหนเป็นเวลาส่วนตัวของเขา เพราะฉะนั้น ถ้าคัณจะโทรมา คุณต้องมีธุระสำคัญเท่านั้น และนั่นคือการที่เขาให้ความสำคัญกับคุณ โดยที่คุณไม่ต้องเรียกร้อง มันเป็นไปเอง เขารู้หน้าที่ 

          แล้วคุณล่ะ...คุณรู้ไหมว่าหน้าที่ของคุณคืออะไร? คือการที่คุณต้องใช้เวลาในแต่ละวัน คิดและจัดการเรื่องของตัวเองให้ดีที่สุด ปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง อย่าก้าวก่ายซึ่งกันและกัน

          อย่าอ้างว่าคิดถึง!  ลองคิดง่าย ๆ ว่าถ้าฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดถึงแฟนบ่อยมาก วันละหลาย ๆ ครั้งเกินความจำเป็น และฉันเอาแต่โทร ๆๆ เพื่อตามตัวให้เขามาหา เมื่อแฟนฉันต่อว่าฉัน ฉันตอบกลับไปว่า "ก็ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้นี่ คนมันคิดถึงไม่รู้จะทำยังไง ทำอะไรไม่ได้เพราะมันคิดถึง"

          ถ้ามองตัวเองไม่ออก คุณจงมองฉัน แล้วคิดดูซิว่าฉันทำถูกไหม แล้วแฟนจะรู้สึกกับฉันยังไง เบื่อไหมล่ะ...รำคาญไหมล่ะ...อึดอัดไหมล่ะที่คบกับผู้หญิงควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าบ้างคลั่งมาจากไหน ทำไมถึงหมกมุ่นนัก ทำไมเอาชีวิตมายึดติดกับผู้ชายคนเดียว และคำถามในใจเขาก็คือ...สิ่งที่ได้จากผู้หญิงคนนี้ มันความรักหรือความต้องการกันแน่?

          เชื่อฉัน อย่าให้เกิดคำถามนั้นในใจเขาเลย ปล่อยให้เขาได้มีเวลาไม่มีคุณบ้าง เพื่อเขาจะได้คิดถึงคุณ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

หนังสือรักผู้ชาย ต้องรักให้เป็น
เขียนโดย : ณัชชา



เมื่อเพื่อนๆรู้อย่างนี้แล้วก็ลองดูเอาเองนะครับ
ต้องตัดสินใจเอาแล้วหล่ะครับถ้าอยากให้รักยืนยาว

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล

วัยรุ่นกับรอยสัก

ลบรอยสัก

วัยรุ่นกับรอยสัก (นิตยสารสวยด้วยแพทย์)
คอลัมน์ ทันโรคกับวัยรุ่น

          วัยรุ่นวัยอยากรู้ อยากลอง อยากทำอะไรที่ดูโก้เก๋ เราจึงได้เห็นวัยรุ่นชายหญิงสักลวดลายลงบนตัว มากบ้าง น้อยบ้าง เช่น บางคนสักรูปหัวใจไว้ที่หน้าอก บางคนสักลวดลายเต็มแขนทั้งสองข้าง เป็นต้น แรก ๆ รอยสักก็อาจดู  เท่ดี แต่นานวันเข้ารอยสักอาจกลายเป็นรอยปัญหา เพราะคนที่มีรอยสักมักถูกมองในทางลบมากกว่าทางบวก  จะสมัครเรียนสมัครงานก็อาจพลาดโอกาส ดังนั้น น้อง ๆ ที่คิดจะสักควรคิดหน้าคิดหลังให้ดี เพราะรอยสักจะติดตัวเราไปจนโต และการลบรอยสักต้องใช้เวลา และค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งจะเป็นภาระกับผู้ปกครองนะคะ

          แต่ถ้าน้อง ๆ คนไหนสักไปแล้ว และมีปัญหากับรอยสัก อยากจะลบทิ้ง แนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอ ปัจจุบันมีเลเซอร์ใช้ลบรอยสักได้ค่ะ

          การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ เป็นหนึ่งในวิธีการลบรอยสักที่นิยมทำ เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่ำ และผลที่ออกมาสามารถลบรอยสักได้มาก กลับไปใกล้เคียงกับผิวหนังเดิม 

          กลไกในการรักษา แพทย์ก็จะเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะสมตรงกับสีของรอยสัก ซึ่งแต่ละสีก็จะมีความจำเพาะกับเลเซอร์ แต่ละความยาวคลื่น ซึ่งแสงเลเซอร์ก็จะไปทำให้เม็ดสีในผิวหนังแตกออก และถูกขจัดออกทางระบบน้ำเหลือง, ขจัดออกทางผิวหนังตามมา  

          การลบรอยสักจะทำทุก 3 - 4 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง ส่วนจำนวนครั้งนั้นขึ้นอยู่กับเป็นรอยสักชนิดไหน ถ้าเป็นรอยสักโดยช่างสมัครเล่น (มักเป็นรอยสักสีเดียว เช่น สีดำ และรอยสักไม่ลึกมากนัก) ก็สามารถทำการลบออกได้ภายใน 6 - 8 ครั้ง ส่วนรอยสักโดยช่างอาชีพ (มักจะมีหลายสี เช่น แดง เขียว เหลือง ดำ สีแต่ละสีมีความคมชัดสูง และมีความลึกของเม็ดสีมากกว่า) ต้องใช้จำนวนครั้งในการลบมากกว่า อาจถึง 10 ครั้งขึ้นไป ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาในรอยสักจากช่างสมัครเล่น ผลลัพธ์จะดีกว่ารอยสักโดยช่างอาชีพ ซึ่งอาจจะยังมีรอยสักจาง ๆ หลงเหลืออยู่ที่ผิวหนังค่ะ

          ก่อนจากกันขอฝากน้อง ๆ อีกสักเรื่อง อย่าได้ไปหลงเชื่อคำโฆษณาเกี่ยวกับน้ำยาลบรอยสัก ที่ว่ามีประสิทธิภาพและเห็นผลทันตา  แล้วซื้อมาลบรอยสักเองนะคะ อาจเกิดแผลเป็น หรือไม่ก็เสียโฉมไปเลย ทำให้ต้องมาเวียนแก้ปัญหาในระยะยาวเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ ค่ะ   


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสารสวยด้วยแพทย์ 


คราวหน้าครวาหลังจะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อนนะครับ
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล

เคล็ดลับการพัฒนาตนเอง ความอดทน

ความอดทนคือบ่อเกิดของความสำเร็จครับ

ชีวิตของคนมีทั้งสุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง ปะปนกันไป

จงอดทนกับทุกเหตุการณ์และยิ้มสู้ไป

แล้วเพื่อนๆก็จะพบความสำเร็จที่รออยู่

เพื่อนๆจงจำคำของผมไว้เป็นกำลังใจที่จะทำให้ฝันเป็นจริง

“มีคนมากมายพบกับความผิดหวังพ่ายแพ้ต้องทนทุกข์ลำบาก

คนคนนั้นก็จะล้มเลิกความต้องการ

และมีคนไม่น้อยเลยที่พบความทุกข์ยากลำบาก

แต่อดทนจนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้

ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่เขาก็พบว่าสิ่งที่เฝ้าทนมาไม่เสียเปล่า

แถมยังให้ผลตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่าคุ้มการอดทนรอคอย”

เมื่อเพื่อนๆเจอความล้มเหลวควรทำอย่างไรดี

1.จงเตือนสติตัวเองว่าไม่มีใครอยากพบความผิดพลาด

จงคิดไว้ว่าเมื่อทำผิดแล้วครั้งหน้าจะต้องไม่ผิดอย่างนี้อีก

ถือเสียว่าผิดเป็นครูครับ

2.หาสาเหตุให้เจอว่าอะไรทำให้คุณล้มเหลว

3.เลิกท้อแท้ซะ จงรวบรวมพลังแล้วลุกขึ้นสู้ต่อ

แล้วเร่งฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายให้หมดไป

ทุกสิ่งจะสำเร็จได้ด้วยความอดทนครับ

ทำไมคนเราถึงอยากสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง

อยากร่ำรวย มีชื่อเสียง มีอนาคตที่ยาวไกล

ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำพาความสบายไปสู่พวกเขานั่นเอง

แล้วเพื่อนๆคือคนหนึ่งที่อยากประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ครับ

ถ้าใช่แล้วหล่ะก็อย่าละทิ้งความอดทนครับ

แล้วเพื่อนๆก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ

ขอให้เพื่อนๆทุกคนโชคดีประสบความความสำเร็จครับ

ขอขอบคุณhttp://makorns.com/?p=320

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

ไขความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ

เคล็ดลับสุขภาพ


ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ (Mix Magazine)

          บางเรื่องสุขภาพที่เรารู้กันมา อาจไม่ใช่เรื่องจริง หรือเป็นความเข้าใจผิดไปก็ได้ ลองมาดูสิว่า 10 เรื่องต่อไปนี้ คุณเคยเข้าใจอะไรผิดมาบ้างหรือเปล่า

 1. ชาเขียวเพื่อสุขภาพ

          ความเชื่อนี้ฮิตที่สุดเมื่อหลายปีก่อน ถึงขั้นทำให้ทำอะไรก็ต้องเอาชาเขียวมาเป็นส่วนประกอบ ไม่เว้นแม้กระทั่งผ้าอนามัย ปัจจุบันก็ยังคงความฮิตต่อเนื่อง แม้ว่ากระแสจะน้อยลงก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้คนไทยเคยชินกับการกินชาเขียวแทนการดื่มน้ำอัดลม หรือน้ำอื่น ๆ 

          โดยความเชื่อนี้ คือในชาเขียวจะมี Cathechin ที่มี EGCG อันเป็นสารตัวเอกในการต้านอนุมูลอิสระ และสามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งต่าง ๆ ได้ สาร Cathechin ที่ว่านั้นไม่ได้มีเฉพาะชาเขียวเท่านั้น ชาดำ หรือชาจีนก็มีเช่นกัน แต่อาจจะไม่มากเท่าชาเขียว และนั่นทำให้ชาเขียวกลายเป็นทุกคำตอบของสุขภาพไป 

          แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระดับความเข้มข้นของ EGCG ที่สามารถจัดการกับมะเร็งได้นั้น จะเทียบเท่าการดื่มชาเขียวแบบเข้มข้นไม่ผสมน้ำตาลวันละอย่างต่ำ 10 แก้ว ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันมะเร็งได้แล้ว ของแถมที่ตามมาก็คือ เจ้าสาร Tannin ที่เป็นสาเหตุของการเกิดอาการท้องผูก และนั่นทำให้ไม่ต้องคิดต่อเลยว่า ชาเขียวที่มีน้ำตาลผสมอยู่นั้น จะสามารถช่วยดูแลสุขภาพของเราให้ยืนยาวปราศจากโรคต่าง ๆ ได้อย่างไร

 2. เดินลงดีต่อเข่ามากกว่าเดินขึ้น

          เวลาที่จะให้เลือกระหว่างเดินลงบันไดกับเดินขึ้นบันได หลายคนคงจะเลือกเดินลงบันไดมากกว่า หนึ่งเพราะไม่ต้องรู้สึกเหนื่อยมาก และสองทำให้ไม่ปวดขา ปวดเข่าเวลาเดินอีกด้วย 

          ความเชื่อนี้อาจจะไม่จริงแล้ว เมื่อผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยทั้งไทยและต่าง ประเทศเห็นตรงกันว่า การเดินลงทางลาดชันรวมไปถึงบันไดนั้น จะทำให้ความเครียดเกิดขึ้นที่ข้อ และตัวกระดูกอ่อนของเข่ามากกว่าการเดินขึ้น รวมทั้งมีโอกาสสร้างความบาดเจ็บได้มากกว่า และที่เราคิดว่าการเดินขึ้น น่าจะทำร้ายเข่ามากกว่านั้น เป็นเพราะเวลาที่เราเดินขึ้น เราจะล้าและปวดกล้ามเนื้อมากกว่าเวลาเดินลงนั่นเองครับ 

 3. กระดูกพรุนต้องกินแคลเซียม

          ความเชื่อนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเชื่อที่ว่า กระดูกของร่างกายมนุษย์เรานั้นมี แคลเซียมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะกระดูกพรุน ก็เลยคิดว่าการกินแคลเซียมเข้าไปมาก ๆ จะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรงได้ 

          แต่ในความเป็นจริงนั้น การกินแคลเซียมเสริมเข้าไปในร่างกายอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหา เพราะการเสริมกระดูกของร่างกายมนุษย์เรานั้นมันมีกลไก และความซับซ้อนหลายอย่าง เช่น อัตราส่วนแคลเซียมต่อแมกนีเซียมที่ใช้ในการดูดซึม เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมไปถึงการใช้วิตามินดีให้พอเพียงกับปริมาณแคลเซียมที่ได้รับเพิ่มมา เพราะหากมีวิตามินดีไม่มากพอ ร่างกายก็ไม่อาจดูดซึมแคลเซียมที่ได้รับเพิ่มไปใช้ได้อยู่ดี 

          ดังนั้นการกินแคลเซียมเสริมเข้าไปในร่างกายนั้น ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการแก้ไขโรคกระดูกพรุนอย่างแน่นอน แต่การออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ และต่อเนื่อง มีโอกาสทำให้ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนน้อยลง และหากสงสัยว่า มีอาการเริ่มต้นของภาวะกระดูกพรุน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกจะดีกว่า

อบซาวน่า

 4. ซาวน่า ยิ่งอบนานยิ่งสุขภาพดี

          ความเชื่อนี้ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะทุกครั้งที่เราออกจากห้องซาวน่าแล้ว น้ำหนักจะลดลงไปหลายขีด แล้วก็จะรู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก เลยกลายเป็นความเชื่อที่ว่ายิ่งนานยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีคนเคยเกือบเสียชีวิตเพราะนั่งในห้องซาวน่านานจนเป็นลมไปเลยก็มี ดังนั้นความเชื่อนี้เห็นทีจะไม่ถูกต้อง

          การอบซาวน่าหรืออบสมุนไพรที่จะให้ได้ประโยชน์จริงนั้น ชาวฟินแลนด์ต้นตำรับเขาระบุไว้ว่าต้องเป็นการอบร้อนสลับเย็น โดยอบร้อนเป็นเวลาประมาณ 3-5 นาที จากนั้นก็ลุกออกไปแช่น้ำเย็นประมาณ 1-2 นาที โดยทำสลับกัน 3 รอบ การทำแบบนี้จะส่งผลให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี เลือดลมเดินสะดวก และรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย

 5. น้ำตาล ของหวาน ช่วยให้สดชื่น

          เวลาที่เรารู้สึกเหนื่อย กระหาย อ่อนเพลียนั้น การดื่มน้ำหวาน หรือกินของหวาน ๆ เข้าไปจะทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นได้ ความคิดแบบนี้มีหลาย ๆ คนที่เชื่อเช่นนั้น และให้ความหวานเป็นทางออกของชีวิตเสมอ ๆ 

          แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกินของหวานหรือดื่มน้ำหวาน นอกจากจะไม่ช่วยให้หายจากอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรงแล้ว ยังจะทำให้ร่างกายเรายิ่งแย่ลงไปอีกด้วย เพราะเมื่อเรารับน้ำตาลเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็จำเป็นต้องใช้วิตามินบีร่วมในการเผาผลาญเสมอ ๆ และเมื่อไรที่วิตามินบีหมด ร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะพร่องวิตามินบี ผลที่ตามมาก็คือเหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรงนั่นเอง ดังนั้นใครที่อยากสดชื่น ลองเปลี่ยนมาเป็นน้ำสะอาด ๆ สักแก้วน่าจะช่วยได้ดีกว่าเยอะ

ยาพารา

 6. ปวดหัว ตัวร้อน ต้องพาราฯ

          เคยสังเกตไหมครับว่า ทุกครั้งที่เราไปพบแพทย์ ด้วยอาการไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ยาอย่างหนึ่งที่เรามักจะได้กลับมาเสมอ ๆ ก็คือ ยาพาราเซทามอล บางคนเป็นหวัด บางคนเป็นไข้ แต่หลังจากที่กินยาชนิดนี้ลงไปแล้ว อาการที่เป็นก็ดีขึ้น และทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วร่างกายเรากำลังโดนหลอกอยู่ เพราะการกินยาพาราฯ เข้าไปนั้น ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด 

          ก่อนอื่นต้องขออธิบายง่าย ๆ ก่อนว่า ร่างกายของมนุษย์ทุกคนนั้น มีสารชนิดหนึ่งที่สามารถต่อสู้กับโรคภัยต่าง ๆ ที่เข้ามากล้ำกรายร่างกายเราอยู่แล้ว นั่นก็คือ เม็ดเลือดขาว และเมื่อเราเจ็บป่วย เม็ดเลือดขาวก็จะต่อสู้แทนเราทุก ๆ ครั้ง และจะทำงานได้ดีในอุณหภูมิที่สูงกว่าอุณหภูมิร่างกาย 

          หมายความง่าย ๆ ก็คือเวลาที่เราตัวร้อนนั้น สาเหตุก็เนื่องมาจากเม็ดเลือดขาวกำลังต่อสู้อยู่ และกำลังจะเอาชนะเชื้อโรคต่าง ๆ ที่บุกเข้าไป แต่เมื่อเรากินยาพาราเซทามอลเข้าไป ร่างกายก็ปรับอุณหภูมิเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่เชื้อโรคชื่นชอบ ทำให้เม็ดเลือดขาวเสียเปรียบ ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โรคที่เป็นอยู่ก็แค่ถูกกดทับไว้เท่านั้น แทนที่ร่างกายจะแข็งแรงเร็วขึ้น กลับกลายเป็นเลี้ยงไข้ไปแทน

          นอกจากนี้ ยังมีผลข้างเคียงจากยาพาราเซทามอลนี้อีก เพราะส่งผลรุนแรงต่อตับ ดังนั้นไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 5 วัน วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ตัวร้อนก็คือ การเช็ดตัว เพราะจะช่วยทำให้ร่างกายถูกกระตุ้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพที่สุด ส่วนอาหารปวดหัวพักผ่อนให้เพียงพอแค่นี้อาการก็ดีขึ้นเอง อย่าถึงขั้นต้องกินยาเลยครับ

 7. อาหารเสริมรักษาโรค

          ถ้าลองอ่านสลากข้างขวดของอาหารเสริมทุกขวดดี ๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีการเขียนระบุไว้ว่า "ไม่มีผลต่อการรักษาโรค" เพราะอาหารเสริมก็คืออาหารเสริม ไม่ใช่ยาที่จะทำหน้าที่เข้าไปรักษาโรคใด ๆ ได้ อาหารเสริมนั้นเป็นเพียงตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่ขาดในรูปแบบที่รวดเร็วและสะดวกเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาโรคนั้น ๆ ที่เป็นได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ 

          การกินอาหารเสริมยังทำให้ผู้คนหลงผิดคิดว่า ไม่จำเป็นต้องห่วงสุขภาพ ละเลยต่อการกินอาหารที่ดี รวมไปถึงไม่ออกกำลังกาย เพราะแม้อาหารเสริมระดับเทพก็คงไม่สามารถช่วยเยียวยาใด ๆ ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นการกินอาหารดี ๆ ผักสด ผลไม้สด ข้าวกล้อง รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างพอเพียงแล้ว หากแต่ถ้าทำไม่ได้ การรู้จักใช้อาหารเสริมเป็นส่วนช่วยเพิ่มก็เป็นเรื่องที่ดี

เคล็ดลับสุขภาพ

 8. ดื่มน้ำมาก ๆ ดีต่อสุขภาพแน่นอน

          ความเชื่อนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อย ดื่มน้ำกันละทีเป็นลิตร ๆ บางคนยิ่งรู้ว่ายิ่งดื่มยิ่งดีต่อสุขภาพ ก็ดื่มวันละหลายขวด หลายลิตร เรียกกันว่าดื่มกันลิตรต่อลิตรเลยทีเดียว 

          การดื่มน้ำเยอะเกินไปแบบนี้เมื่อสะสมเป็นเวลานานเข้า ร่างกายก็จะเกิดอาการปัสสาวะมาก มีสีใส มือเท้าเย็น ทำให้ร่างกายรู้สึกหนาวง่าย นานวันเข้าก็เกิดเป็นอาการสะสมที่เรียกว่าอ่อนเพลียเรื้อรัง ขาอ่อนแรง และมีสิทธิ์ที่จะหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงอีกด้วย 

          เหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้เป็นเช่นนี้ เพราะเวลาดื่มน้ำเข้าไปมาก ๆ นั้น ไตก็จะทำหน้าที่คัดกรองสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเก็บไว้ เช่น เกลือแร่ แต่เมื่อเราดื่มน้ำเข้าไปมากเกินความจำเป็น ก็ทำให้ไตทำงานมากขึ้น เมื่อผ่านช่วงเวลาสะสมนานเข้า ก็กลายเป็นอาการ "พร่องพลังไต"  นั่นเอง 

          แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพร่องพลังไตกันหมด เพราะแม้ในมื้ออาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละมื้อจะมีน้ำอยู่แล้ว และเราก็กินน้ำอยู่ตลอดทั้งวัน แต่ร่างกายเราก็มีการขับถ่ายของเสียประเภทน้ำออกทางเหงื่อ ปัสสาวะ แถมยังใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายอยู่แล้ว ดังนั้นหากไม่ดื่มน้ำเลย หรือดื่มน้ำน้อยไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นกัน 

          ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ อย่ารอให้หิวกระหายน้ำ แล้วค่อยดื่มน้ำ แต่ควรจิบน้ำอยู่เป็นประจำตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องไปเข้าห้องน้ำบ่อย หรือจะทำให้ไตทำงานหนัก เพราะการดื่มน้ำสะอาด ๆ เป็นประจำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว มีผลทำให้ผิวเรามีสุขภาพดี รวมไปถึงร่างกายเราก็สุขภาพดีอีกด้วย

 9.กินไขมันแย่ ตายผ่อนส่ง

          เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่หลาย ๆ คนคิด และยืนยันในการเลือกกินอาหารไร้มัน เพราะจะทำให้น้ำหนักขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของสิ่งที่ไขมันมีอย่างแน่นอน เพราะนอกจากความอ้วนแล้ว ไขมันยังมีประโยชน์ในส่วนของเป็นสารประกอบพื้นฐานในเยื่อหุ้มเซลล์ ช่วยสร้างเนื้อเยื่อของสมองและเส้นประสาท และมีความสำคัญในการทำให้เซลล์ เนื้อเยื่อ ต่อม และอวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ตามปกติ แถมยังเป็นตัวช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และให้พลังงานที่เสถียรกับ ร่างกายในระยะยาว 

          ไขมันยังเป็นตัวที่ช่วยในเรื่องของการละลายวิตามิน A, D, E, K ซึ่งมักจะพบมากในพวกถั่วเปลือกแข็งต่าง ๆ เช่น อัลมอลด์ วอลนัท เมล็ดธัญพืชต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งอาหารจำพวกปลาที่มีไขมันสูงก็มีประโยชน์ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือผลไม้อย่าง อะโวคาโด้ มะกอก ก็มีกรดไขมันตัวดีที่นำไปใช้ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน 

 10. กินผลไม้เยอะ ๆ มีประโยชน์

          ความเชื่อนี้เกือบจริง เพราะผลไม้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และมีวิตามิน แถมมีกากใยอีกต่างหาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการกินผลไม้ชนิดเดียวกันมาก ๆ ต่อเนื่องยาวนานจะมีประโยชน์ 

          อย่างเช่น ถ้าเรากินทุเรียนหลังอาหารเย็นทุกวัน คุณคิดว่าจะทำให้สุขภาพดีขึ้นไหม เพราะในผลไม้นั้นมีน้ำตาลฟรุกโตสเป็นสารให้ความหวานหลัก ซึ่งมีโอกาสส่งผลให้ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน มีอาการน้ำตาลในเลือดสูง หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงก็ตาม ผลไม้บางชนิดก็ไม่เหมาะด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เมื่อเพื่อนๆรู้แล้วว่ามันผิด
ก็อย่าไปทำนะครับ
เพื่อนๆจะได้มีสุขภาพที่ดี

สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความอ่านเล่นที่จะเปิดวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างไกล