วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

เตือนดื่มน้ำอัดลมไดเอต เสี่ยงโรคหัวใจ

น้ำอัดลม

เตือนน้ำอัดลมไดเอตมีโอกาสเสี่ยงโรคหัวใจ (ไทยโพสต์)

          หลายคนหันไปกินน้ำอัดลมชนิดไม่มีน้ำตาล เพราะคิดว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และหวังว่าจะเป็นหนทางในการควบคุมน้ำหนักได้ แต่นักวิจัยบอกว่าพวกเครื่องดื่มน้ำดำจำพวกไดเอตทั้งหลาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวาย หรือเส้นเลือดสมองแตก

          โดยผลการศึกษาประชาชนกว่า 2,500 คน พบว่า คนที่กินเครื่องดื่มชนิดไดเอตทุกวัน มีโอกาสที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มน้ำอัดลมเลย เพิ่มขึ้นอีก 61% 

          นักวิจัย ฮันนาห์ การ์เดเนอร์ กล่าวว่า หากผลการศึกษานี้ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยเพิ่มเติมในอนาคต ก็แปลว่า เครื่องดื่มโซดาไดเอต อาจไม่ใช่เครื่องดื่มสำหรับทดแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล หากคำนึงถึงการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

          ทั้งนี้ ผลวิจัยซึ่งเสนอต่อที่ประชุมนานาชาติของสมาคมโรคหลอดเลือดสมองอเมริกัน ในลอสแองเจลีสชิ้นนี้ จัดทำโดยมหาวิทยาลัยไมอามี ซึ่งผู้เข้าร่วม 2,564 รายได้ให้ข้อมูลว่า พวกตนดื่มน้ำอัดลมชนิดไดเอต หรือน้ำอัดลมทั่วไป หรือดื่มทั้งสองอย่าง หรือว่าไม่ดื่มเลย แต่นักวิจัยไม่ได้ถามถึงยี่ห้อของเครื่องดื่ม

          ขณะที่ ดร.การ์เดเนอร์ นักระบาดวิทยาแห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี บอกว่า ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นที่ว่า การดื่มเครื่องดื่มชนิดไดเอต จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจได้อย่างไร

          ด้าน ดร.ชาร์ลิน อาเหม็ด แห่งสมาคมโรคหลอดเลือดสมอง กล่าวว่า ผลการวิจัยชิ้นนี้พบว่า การดื่มน้ำอัดลมชนิดไดเอตเป็นประจำ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจได้เท่ากับ หรือมากกว่าน้ำอัดลมทั่วไป 

          "ทุกคนสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้ โดยบริโภคอาหารให้ครบทุกหมู่ มีไขมันอิ่มตัวและไขมันต่ำ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ" ดร.ชาร์ลิน กล่าวทิ้งท้าย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก


สุดท้ายผมขอฝากเรื่องข้อต่อและกระดูกไว้ด้วยครับ
เพราะปัจจุบันนี้โรคเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูก
เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวผมไม่อยากเห็นเพื่อนๆ
หรือคนที่เพื่อนๆรักป่วยเป็นโรคเหล่านี้
เพราะมันอาจจะรุนแรงถึงขั้นเดินไม่ได้เลยนะครับ
ยังไงผมก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย
ด้วยความห่วงใยจากผม
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับ
สวัสดีครับ
สนใจแนวทางป้องกัน ดูแลสุขภาพของข้อเข่าและข้อต่อต่างๆในร่างกาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น